รู้จัก Network Protocols ตัวสำคัญที่ขับเคลื่อนโลก Network

รู้จัก Network Protocols ตัวสำคัญที่ขับเคลื่อนโลก Network

September 27, 2025

Network

สวัสดีทุกคนครับ! เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเราพิมพ์ google.com แล้วกด Enter เบื้องหลังมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง? หรือเวลาเราส่งอีเมล, วิดีโอคอล, หรือเล่นเกมออนไลน์ คอมพิวเตอร์ทั่วโลกมันคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง? 🧐

คำตอบก็คือ Network Protocols!

ถ้าเปรียบอินเทอร์เน็ตเป็นเมืองขนาดใหญ่ Protocols ก็คือ "กฎจราจร, ระบบไปรษณีย์, และภาษา" ที่ทุกคนในเมืองใช้ร่วมกันเพื่อให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น วันนี้เราจะมาถอดรหัส Protocols ตัวสำคัญที่ขับเคลื่อนโลกดิจิทัลของเรากันครับ!

1. TCP / UDP: คู่หูขนส่งข้อมูล 🚚

นี่คือรากฐานของการสื่อสารเกือบทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่เหมือนบริษัทขนส่ง

  • TCP (Transmission Control Protocol): เหมือนการส่ง พัสดุลงทะเบียน 📦 มีการการันตีว่าข้อมูลจะไปถึงปลายทางครบถ้วน, ถูกต้องตามลำดับ, และมีการตรวจสอบความผิดพลาด ถ้าข้อมูลหายก็จะส่งใหม่ให้
    • เหมาะกับ: การเข้าเว็บ (HTTP), ส่งอีเมล (SMTP), ส่งไฟล์ (FTP) — งานที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง
  • UDP (User Datagram Protocol): เหมือนการส่ง ไปรษณียบัตร ✉️ คือเน้นส่งเร็ว! ส่งออกไปเลย ไม่มีการการันตีว่าจะถึงไหม หรือจะเรียงลำดับถูกหรือเปล่า
    • เหมาะกับ: Video Streaming, เกมออนไลน์, Voice Call — งานที่ความเร็วสำคัญกว่าความถูกต้องเล็กน้อย (ภาพกระตุกนิดหน่อยดีกว่าดีเลย์ไป 3 วิ)

2. DNS: สมุดโทรศัพท์ของอินเทอร์เน็ต 📖

DNS (Domain Name System) ทำหน้าที่ง่าย ๆ แต่สำคัญมาก คือ แปลงชื่อโดเมนที่เราจำง่าย (เช่น google.com) ให้เป็น IP Address ที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ (เช่น 142.250.207.78)

เวลาเราพิมพ์ชื่อเว็บในเบราว์เซอร์ มันจะไปถาม DNS Server ก่อนว่า "เฮ้! google.com นี่เบอร์อะไรเหรอ?" พอได้ IP Address มาแล้ว เบราว์เซอร์ถึงจะเชื่อมต่อไปยัง Server ที่ถูกต้องได้ครับ

3. HTTP / HTTPS: ภาษาของเว็บ 🌐

นี่คือ Protocol ที่เราใช้กันบ่อยที่สุดในการท่องเว็บ

  • HTTP (Hypertext Transfer Protocol): เป็นภาษาหลักที่เบราว์เซอร์ใช้ในการ "ร้องขอ" (Request) หน้าเว็บ, รูปภาพ, หรือข้อมูลจาก Server และ Server ก็จะ "ตอบกลับ" (Response) มาให้
  • HTTPS (HTTP Secure): คือ HTTP เวอร์ชันอัปเกรดความปลอดภัย 🔐 โดยจะมีการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่ส่งไปมาด้วย SSL/TLS ทำให้แฮกเกอร์ที่ดักฟังข้อมูลกลางทางไม่สามารถอ่านข้อมูลของเราได้ ปัจจุบันเป็นมาตรฐานสำหรับทุกเว็บไซต์แล้ว

4. WebSockets: สายตรงที่ไม่วางหู 📞

ในขณะที่ HTTP เป็นแบบถาม-ตอบทีละครั้ง (Request-Response) WebSockets จะสร้างการเชื่อมต่อแบบ สองทิศทาง (Bi-directional) ค้างไว้ ทำให้ Server สามารถ "ผลัก" (Push) ข้อมูลมาให้ Client ได้ทันทีโดยที่ Client ไม่ต้องร้องขอใหม่

  • เหมาะกับ: แอปแชท, Live Ticker (สกอร์สด), กราฟหุ้น Real-time, เกมออนไลน์ที่ต้องสื่อสารกันตลอดเวลา

5. SMTP / IMAP / POP3: สามทหารเสือแห่งอีเมล 📧

นี่คือกลุ่ม Protocols ที่จัดการเรื่องอีเมลโดยเฉพาะ

  • SMTP (Simple Mail Transfer Protocol): ทำหน้าที่เป็น "บุรุษไปรษณีย์" คือรับผิดชอบการ "ส่ง" อีเมลจากเราไปยัง Mail Server ของผู้รับ
  • POP3 (Post Office Protocol 3): ทำหน้าที่ "รับ" อีเมล โดยจะดาวน์โหลดอีเมลทั้งหมดจาก Server มาเก็บไว้ที่เครื่องของเราเลย (เหมือนไปรับจดหมายที่ไปรษณีย์กลับบ้านทั้งหมด)
  • IMAP (Internet Message Access Protocol): ทำหน้าที่ "รับ" อีเมลเหมือนกัน แต่จะซิงโครไนซ์สถานะกับ Server ตลอดเวลา (เหมือนอ่านจดหมายที่ไปรษณีย์) ทำให้เราเปิดดูอีเมลจากหลายอุปกรณ์ (มือถือ, คอม) แล้วเห็นสถานะเดียวกัน (เช่น อ่านแล้ว, ลบแล้ว)

6. FTP / SFTP: นักขนย้ายไฟล์มืออาชีพ 📂

  • FTP (File Transfer Protocol): เป็น Protocol รุ่นเก๋าสำหรับ "รับ-ส่งไฟล์" ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่ข้อเสียคือข้อมูลที่ส่งไม่ได้เข้ารหัส
  • SFTP (Secure File Transfer Protocol): คือ FTP ที่ทำงานบนอุโมงค์ที่ปลอดภัย (SSH) ทำให้ไฟล์และรหัสผ่านทั้งหมดถูก เข้ารหัส ปลอดภัยกว่ามาก ปัจจุบันควรใช้ SFTP แทน FTP เสมอ

7. OAuth 2.0 / OpenID Connect: ยามรักษาความปลอดภัยยุคใหม่ 🔑

เป็น Protocols ที่เกี่ยวกับการยืนยันตัวตนและสิทธิ์การเข้าถึง

  • OAuth 2.0: เป็นมาตรฐานสำหรับ "การให้สิทธิ์" (Authorization) มันคือกระบวนการที่เรากดปุ่ม "Login with Google" แล้วอนุญาตให้แอป A เข้าถึงข้อมูลบางอย่างของเราในแอป B (เช่น รูปโปรไฟล์, อีเมล) โดยที่เรา ไม่ต้องให้รหัสผ่านของแอป B กับแอป A เลย (เหมือนให้กุญแจ Valet ที่เข้าได้แค่บางส่วนของรถ แต่ไม่ใช่กุญแจหลัก)
  • OpenID Connect (OIDC): เป็นชั้นที่สร้างขึ้นบน OAuth 2.0 เพื่อเพิ่มเรื่อง "การยืนยันตัวตน" (Authentication) เข้าไป ทำให้แอป A ไม่ใช่แค่ได้สิทธิ์ แต่ยัง "รู้" ด้วยว่าเราคือใครจริง ๆ ผ่านข้อมูลที่ได้รับจากแอป B

8. CORS: การ์ดคุมหน้าประตูเว็บ 🚪

CORS (Cross-Origin Resource Sharing) ไม่ใช่ Protocol ซะทีเดียว แต่เป็น กลไกความปลอดภัยของเบราว์เซอร์ ที่ทำงานบน HTTP โดยปกติเบราว์เซอร์จะบล็อกไม่ให้สคริปต์จากเว็บหนึ่ง (Origin A) ไปเรียกใช้ API ของอีกเว็บหนึ่ง (Origin B) เพื่อป้องกันการโจมตี

CORS คือกลไกที่ให้ Server B สามารถบอกเบราว์เซอร์ได้ว่า "เฮ้! ไม่เป็นไรนะ ฉันอนุญาตให้เว็บ A มาคุยกับฉันได้"

9. API Styles: รูปแบบการสนทนาของแอปพลิเคชัน 🗣️

กลุ่มนี้ไม่ใช่ Protocol แต่เป็น "สถาปัตยกรรม" หรือ "รูปแบบ" การออกแบบ API ที่ทำงานอยู่บน Protocol อื่น ๆ (ส่วนใหญ่คือ HTTP/HTTPS)

  • REST (Representational State Transfer): รูปแบบที่นิยมที่สุด ใช้ HTTP Methods (GET, POST, PUT, DELETE) ในการจัดการทรัพยากรผ่าน URL เป็นสถาปัตยกรรมที่เข้าใจง่ายและเป็นมาตรฐาน
  • GraphQL: ภาษา Query ที่ให้ Client สามารถ "ร้องขอ" ข้อมูลเฉพาะฟิลด์ที่ต้องการได้ใน Request เดียว แก้ปัญหา Over/Under-fetching ของ REST ได้ดี
  • gRPC (Google Remote Procedure Call): Framework ประสิทธิภาพสูงจาก Google ที่ใช้ HTTP/2 เป็นตัวกลางในการขนส่งข้อมูล เน้นความเร็วและประสิทธิภาพสูงมาก ๆ เหมาะสำหรับ การสื่อสารระหว่าง Microservices ภายในระบบ (หลังบ้านคุยกันเอง)

สรุป

โลกของอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วย Protocols ที่ทำงานร่วมกันอย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่ชั้นล่างสุดอย่าง TCP/UDP ที่คอยขนส่งข้อมูล ไปจนถึงชั้นบนอย่าง HTTP และ API Styles ต่าง ๆ ที่เป็นภาษาให้แอปพลิเคชันคุยกัน การเข้าใจว่าแต่ละตัวทำหน้าที่อะไร จะช่วยให้เราเป็นนักพัฒนาที่มองเห็นภาพรวมของระบบได้ดีขึ้น และสามารถเลือกเครื่องมือมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง! หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเดินทางในโลกของ Network Protocols นะครับ! 😊

Tags
Network
Protocol
Back-end
System Design

Related Blogs

knot-dev.tech

September 28, 2025